โอปอล อัญมณีแห่งความหวัง

โอปอล (Opal) อัญมณีแห่งความหวัง

กาลครั้งหนึ่ง มีสุภาพสตรีสวยงามนางหนึ่งนามว่า “โอปอล” ซึ่งความงามของนางนั้นต้องตาต้องใจเทพเจ้าพร้อมกันถึง 3 องค์ และทำให้เทพเจ้าทั้ง 3 นั้นเกิดความริษยาแก่กัน เทพเจ้าซีอุสทราบเรื่องจึงสาปให้โอปอลกลายเป็นหมอกไปเพื่อยุติปัญหา เมื่อเทพเจ้าทั้ง 3 เมื่อทราบข่าวก็กลัวว่าตนเองจะจำนางอันเป็นที่รักไม่ได้ จึงพยายามที่จะมอบสีประจำตนให้โอปอล เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายในการจดจำ เทพเจ้าแห่งสวรรค์มอบสีน้ำเงิน เทพเจ้าแห่งพระอาทิตย์มอบสีทอง และเทพเจ้าแห่งไฟมอบสีแดง แต่ในที่สุดก็ไร้ผล และด้วยความสงสารและเห็นใจ เทพเจ้าซีอุสจึงได้แปลง “หมอกโอปอล” นั้นให้กลายเป็น “หินโอปอล” พร้อมทั้งมอบสีประกายรุ้งเป็นสีประจำตัวตลอดไป และนั้นคือตำนานกำเนิดโอปอลของกรีกโบราณค่ะ

ส่วนในประวัติศาสตร์ของโลกนั้น มนุษย์รู้จักโอปอลและใช้เป็นเครื่องประดับ ตั้งแต่สมัยโรมัน หรือประมาณ 250 ปีก่อนคริสตกาล เหมืองโอปอลในยุคนั้นอยู่ในบริเวณประเทศ เชคโกสโลวาเกียในปัจจุบัน การขุดหาโอปอลในประเทศเชคโกสโลวาเกีย ยุติลงในปี ค.ศ. 1932 เมื่อมีการค้นพบโอปอลที่ White Cliff ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแหล่งของโอปอลที่ใหญ่ที่สุด และมีคุณภาพดีที่สุดในโลก

“โอปอล สัญลักษณ์ แห่งความหวัง และความบริสุทธิ์”

โอปอล เป็นอัญมณีแห่งความปรารถนาของมนุษย์มาเนิ่นนาน มีเรื่องเล่ากันว่า มาร์คแอนโทนี่ เพียรพยายามซื้อแหวนที่ทำด้วยโอปอลจากท่านวุฒิสมาชิกชาวโรมัน ชื่อนูเนียส เพื่อจะนำไปถวายแก่พระนางคลีโอพัตรา แต่ได้รับการปฏิเสธ ท่านวุฒิสมาชิกท่านนั้นจึงถูกขับไล่ออกจากเมืองไปอยู่ต่างแดนอย่างไม่ใยดี

และต่อมาในศตวรรษที่ 19 มีผู้คนมากมายเชื่อว่าโอปอลเป็นเครื่องหมายของลางร้าย ตามอิทธิพลจากนวนิยายเรื่อง ANN OF GEIERTEIN ของเซอร์ วอลเตอร์สกอตต์ ซึ่งเป็นนวนิยายที่มีอิทธิพลมากในสมันนั้น แต่ความเชื่อนี้ก็ถูกลบล้างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อพระนางเจ้าวิคตอเรีย ได้พระราชทานโอปอลให้แก่พระราชธิดาแต่ละองค์ในวันอภิเษกสมรส เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความโชคดี นับแต่นั้นโอปอลก็คงเสน่ห์น่าจับจองเป็นเจ้าของมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ

ลักษณะของโอปอล

คำว่า “OPAL” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “UPALA” (อูพาลา) แปลว่าหินที่มีค่า โอปอล เป็นอัญมณีที่มีความพิเศษ และมีคุณสมบัติแตกต่างจากอัญมณีชนิดอื่น ๆ ในโลก กล่าวคือโอปอลนั้นมีสีสันเป็นประกายดั่งสีของสายรุ้งบนท้องฟ้า

การที่โอปอลมีสันหลากหลายนั้นเกิดจากอนุภาคของทรายซึ่งเป็นส่วนประกอบของโอปอลที่เรียงตัวกันไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดช่องว่างภายในเป็นโพรงเล็ก ๆ และมีน้ำแทรกอยู่ในช่องว่าง จึงเกิดแสงสะท้อนให้เราเห็นเป็นสีสันต่าง ๆ มากมาย

ในทางธรณีวิทยา โอปอลจัดเป็นแร่ในตระกูลควอตซ์ที่มีเนื้อเป็น ซิลิกา (Silica) และมีน้ำและความชื้นปะปนอยู่ในเนื้อประมาณร้อยละ 3 – 10 อาจจะมีสูงได้ถึงร้อยละ 30 เลยทีเดียว โดยมีสูตรทางเคมีเป็น SiO2.nH2O มีโครงสร้างเป็นรูปผลึก แต่มีเนื้อแน่นละเอียดมาก (Crystalline aggregate)

ตัวโอปอลจะมีค่าความถ่วงจำเพาะอยู่ที่ประมาณ 1.98 – 2.20 เป็นอัญมณีที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับแร่รัตนชาติตัวอื่น ๆ  มีค่าดัชนีหักเหอยู่ที่ประมาณ 1.37 – 1.52 อาจแปรเปลี่ยนได้ตามจำนวนของน้ำที่ปะปนอยู่ ภายในเนื้อโอปอลไม่มีรอยแยกแนวเรียบ (Clevage) อย่างรัตนชาติชนิดอื่น ๆ มีแต่เฉพาะรอยแตกที่เป็นรูปคล้ายก้นหอย โอปอล มีค่าความแข็งอ่อนกว่าเนื้อควอตซ์อื่น ๆ เพราะมีความแข็งเพียง 5.5 – 5.6 และมีความแวววาวคล้ายกับแก้ว

Opal Chemical
Opal Chemical

กลุ่มชนิดของโอปอล

  1. Precious opal คือ โอปอลที่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยตัวโอปอลจะมีการเล่นสีเป็นประกายสวยงาม คล้ายเหลือบประกายรุ้งที่เปลี่ยนสีได้เมื่อหมุนโอปอลไปมาเรียกว่า โอปอลเลสเซนต์ (Opalescence) หรือ การเล่นสี (Play of colour) โอปอลที่จัดว่าเป็น Precious opal ได้แก่
Opal white black metrix
Opal white black metrix
  • โอปอลสีขาว (White opal) มีสีขาวหรือสีอ่อนเป็นพื้นเป็นโอปอลที่เราคุ้นเคยเป็นอันดับต้น ๆ
  • โอปอลสีดำ (Black opal) มีสีเทาเข้ม น้ำเงินเข้ม เขียวเข้ม หรือเทาดำเป็นพื้น เป็นชนิดที่ค่อนข้างหายาก
  • โอปอลแมทริกซ์ (Matrix opal) ส่วนที่เล่นสีของโอปอลจะแทรกอยู่ตามรอยช่องว่าง หรือรูพรุนในเนื้อหิน
  1. Fire opal คือ โอปอลสีส้ม หรือสีแดงดูเหมือนสีของเปลวไฟ และมีลักษณะโปร่งใส เมื่อนำมาส่องดูภายใต้แสงไฟจะเห็นสีสะท้อนบนผิวเหมือนเปลวไฟเกิดขึ้นสมกับชื่อ โอปอลไฟ ชนิดที่ดีที่สุดนั้นจะมีเนื้อโปร่งใสและสะอาดบริสุทธิ์ แต่จะเปราะและแตกง่าย ไม่ทนต่อแรงกดกระแทก
Fire Opal
Fire Opal
  1. Common opal คือ โอปอลชนิดธรรมดาส่วนใหญ่จะมีเนื้อทึบ ไม่มีการเล่นสีให้เห็น ชื่อทางการค้ามีหลายชนิดเช่น อะเกต โอปอล (Agate opal) ไฮยาไลต์ (Hyalite) วูด โอปอล (Wood opal) ฮันนี่ โอปอล (Honey opal) เป็นต้น

แหล่งกำเนิดของโอปอล

โอปอลกว่าร้อยละ 95 ของโลกมากจากเหมืองในประเทศออสเตรเลีย ส่วนใหญ่มาจากรัฐควีนส์แลนด์ (Queensland) มาจากเมืองคูเบอร์ เปดี (Coober Pedy) เมืองแอนดามูกา (Andamooka) ในเซาท์ออสเตรเลีย (South Australia) และมาจากเมืองไวท์คลิฟท์ (White Cliffs) เมืองไลท์นิง ริดจ์ (Lightning Ridge) ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) และมีแหล่งอื่น ๆ ที่พบโอปอลอีก เช่น ประเทศฮังการีซึ่งเคยเป็นเหมืองโอปอลในอดีต ประเทศเม็กซิโก ฮอนดูรัส เนวาดา และในประเทศไทยเองก็มีการพบแถบจังหวัดลำพูน ลำปาง นราธิวาส ลพบุรี สระบุรี โคราช นครนายก และนครพนม

Australia-map
Australia-map

พลังพิเศษ

โอปอล (Opal) อัญมณีประจำเดือนตุลาคม หรือราศีตุลย์ ในสมัยโบราณเชื่อกันว่า โอปอล เป็นอัญมณีแห่งความหวัง ความรัก ความปรารถนา ช่วยเสริมสร้างความสำเร็จ สามารถป้องกันอันตรายจากศัตรูได้ นอกจากนั้นยังเชื่อว่า โอปอล สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ได้ เช่น อาการที่เกี่ยวข้องกับตา ป้องกันอาหารเป็นพิษ เชื่อกันว่าถ้านำโอปอลมาแตะหน้าผากจะช่วยทำให้มีความจำที่ดีขึ้น และช่วยบำบัดจิตใจที่สับสนวุ่นวายได้

โอปอล เหมาะกับคนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์โดยเฉพาะในวงการบันเทิง และสามารถปกป้องคุ้มครองเสริมสิริมงคล ให้กับบุคคลที่เกิดในราศีตุลย์ ซึ่งเป็นการเสริมดวงชะตาให้เฉพาะกับราศีนี้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ (ตามอ่านเพิ่มเติมเรื่อง “อัญมณีประจำราศี”) นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเรื่องการเสริมเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามให้มารักใคร่เสน่หาได้อีกด้วยค่ะ

การดูแลรักษา

โอปอลนั้นต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากถ้าหากโอปอลอยู่ในที่มีอุณหภูมิสูง น้ำและความชื้นภายในเนื้อโอปอลจะระเหยออกไป อาจทำให้ซีดหรือแตกร้าวได้ ซึ่งการเก็บรักษาควรจะแช่ในน้ำหรือน้ำมันเพื่อรักษาความชุ่มชื่นเอาไว้ เนื่องจากโอปอลเป็นหินที่ค่อนข้างเปราะบางแตกหักง่าย จึงควรทำเป็นเครื่องประดับ โดยเฉพาะจี้ ต่างหู สร้อยคอ ควรเลือกที่จะฝังหุ้มดีกว่าฝังหนามเตย เพราะจะอยู่คงทนกว่าและควรเพิ่มพลังให้โอปอลด้วยการนำไปล้างน้ำทะเล หรือน้ำสะอาดก็ดี

“ไม่ควรนำออกอาบแสงอาทิตย์เพราะมีความร้อนสูงโอปอลจะซีดหรือแตกร้าวได้”

สิ่งที่ควรระวัง

ในการเลือกซื้อโอปอล สิ่งที่ควรระวังคือ โอปอลสังเคราะห์ และโอปอลปะ 2 ชั้นและ 3 ชั้น วิธีการสังเกตโอปอลสังเคราะห์ คือ แพทเทิร์นของสีที่ตัดกันหน้าพลอย จะตัดกันโดยเจตนามากเกินไป และมีลักษณะของแพทเทิร์น LIZARD OR SNAKE SKIN EFFECT ซึ่งมีลักษณะเป็นเกล็ด ๆ คล้าย ๆ กับหนังงู เป็นลักษณะพิเศษที่จะพบในพลอยโอปอลสังเคราะห์เท่านั้น

ส่วนโอปอลปะ 2 ชั้นและ 3 ชั้นนั้น ให้สังเกตจากด้านข้างของโอปอลจะเห็นมีรอยต่อ โอปอลที่ปะ 2 ชั้นนั้น เป็นที่ยอมรับมากกว่าโอปอลปะ 3 ชั้น เพราะด้านบนเป็นโอปอลของแท้ และที่ปะ 2 ชั้นก็เพื่อช่วยเสริมให้โอปอลมีความทนทานมากยิ่งขึ้นค่ะ

แม้โอปอลจะเป็นอัญมณีแห่งความหวังสำหรับมนุษย์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมนุษย์ต้องมีความหวังเพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเราให้ก้าวหน้าต่อไปในการดำเนินชีวิต ดั่งคำกล่าวที่ว่า

“เราสูญเสียอะไรก็ได้ แต่อย่าสูญเสียความหวัง”


สนใจหินมงคลสำหรับเสริมดวงชะตา คลิกได้ ⇒ คลิกที่นี่


อ.ณิชารัศมิ์ หินเดินดาว

ผู้คิดค้น วิชาหินเดินดาว ศาสตร์พยากรณ์ 12 พลังหิน

Facebook: หินเดินดาวณิชารัศมิ์โหราศาสตร์

Ad Nicharas on HDTV
Ad Nicharas on HDTV